VAMPIRE REVITALS

คำตอบก็คือ ได้มาจากเลือดของตัวผู้เข้ารับการรักษาเอง โดยแพทย์จะเจาะเลือดจำนวนเล็กน้อยบริเวณข้อพับแขนของผู้ที่มาทำการรักษา ซึ่งในเลือดจะประกอบด้วยเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และส่วนที่เป็นของเหลวเรียกว่า พลาสมา (Plasma)

เมื่อนำเลือดที่ได้มาใส่หลอดแยกเกล็ดเลือดที่ทำขึ้นเป็นพิเศษและปั่นด้วยเครื่องปั่นโดยเฉพาะ จะได้เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดแยกออกมาเป็นชั้น แพทย์ก็จะดึงเอาเฉพาะชั้นที่เป็นเกล็ดเลือดเข้มข้นมาใช้ฉีดฟื้นฟูผิวหน้า โดยจะฉีดกระจายให้ทั่วใบหน้า เน้นบริเวณที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องแก้ม หลุมสิว เป็นต้น

และเนื่องจากเกล็ดเลือดที่นำมาใช้มาจากเลือดของตัวผู้เข้ารับการรักษาแล้วฉีดเข้าสู่ร่างกายตนเองจึงมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ไม่เกิดการแพ้หรือการต่อต้านจากร่างกาย และไม่เกิดการแพร่เชื้อจากผู้อื่นมายังตัวผู้มาทำการรักษาด้วย

เมื่อเรานำเลือดมาปั่นด้วยแรงที่เหมาะสมจะกระตุ้นให้เกล็ดเลือดทำงาน และหลั่งสารฟื้นฟูผิวหนังที่เรียกว่า Growth Factor ออกมา ซึ่ง Growth Factor นี้จะช่วย

• เร่งการซ่อมแซมผิวหนังที่เสื่อมสภาพ ทำให้ใบหน้ากระจ่างใสดูอ่อนวัยขึ้น
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นใหม่ ช่วยให้ผิวตึงกระชับ เรียบ เนียนและอ่อนนุ่ม
• ช่วยเติมเต็มร่องริ้วรอยต่างๆ คืนความตึงกระชับทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ลง
• ลดเลือนริ้วรอยต่างๆ และจุดด่างดำบนใบหน้าให้จางลง
• ช่วยสร้างหลอดเลือด เพื่อนำอาหารมาเลี้ยงผิว

ดังนั้น การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ผิวหน้าจึงช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้สวยสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติได้

การฟื้นฟูผิวหน้าด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา และเพื่อให้ผิวฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพควรฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1 เดือน โดยทั่วไปผลการรักษาจะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นหลังทำประมาณ 2 สัปดาห์ จนถึง 6 เดือน และผลจะอยู่ได้นานประมาณ 1½ – 2 ปี ขึ้นกับสภาพผิวเดิมของแต่ละบุคคล อายุ และการดูแลรักษาหลังทำ

ดูแลหลังทำอย่างไร

• หลังทำหน้าอาจบวมตึง และมีรอยแดงได้ ไม่ต้องตกใจ หลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้วหน้าจะเริ่มยุบบวมลง
• ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ห้ามไม่ให้ผิวหน้าโดนน้ำเด็ดขาด วันที่ 2 จึงสามารถโดนน้ำและล้างหน้าได้
• หลังวันที่ 3 หน้าจะหายบวม รอยแดงเริ่มจางลง อาจมีรอยเขียวช้ำบ้าง ถ้าผิวแห้งตึงมากสามารถทามอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ผิวหน้าชุ่มชื้นได้
• หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดประมาณ 3-5 วัน
• ห้ามทาหน้าด้วยวิตามินเอ, AHA, ครีมที่มีส่วนผสมของสาร Whitening เพราะจะทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้

ดังนั้น ใครที่อยากฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาสดใส อ่อนเยาว์ จะวัย 40 อัพ หรือแม้ในคนอายุน้อยที่อยากให้หน้าดูไบร์ทก็ลองมาปรึกษาแพทย์ได้ บางทีวิธีการอื่นๆ ที่เรากำลังทำอยู่ เช่น ดูแลบำรุงผิว ให้อาหารแก่ผิว เลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว ถึงจะช่วยฟื้นฟูผิวขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ผลที่ได้ก็ค่อนข้างช้า ถ้าต้องการเห็นผลเร็ว การฟื้นฟูผิวด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นน่าจะเป็นคำตอบ นอกจากนั้น Vampire Revitalยังสามารถรักษาร่วมกับทรีตเม้นต์อื่นๆ ได้โดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ อาทิ การฉีดโบท็อกซ์ หรือ ฉีดฟิลเลอร์ เป็นต้น ไหนๆ ก็จะสวยทั้งทีก็ให้ปังกันไปเลยค่ะ